มีความสุขกับความฝัน(จิตนาการ)

เมื่อใดที่คุณท้อ ไม่อยากทำต่อ ไปไหวแล้ว หรือ ไม่มีไรทำ

คุณอาจจะลองนึกย้อนไปที่ความฝันของคุณดู

ลองจิตนการให้เห็นภาพ รู้สึกถึงมัน เหมือนคุณได้มันมาจริงๆหรืออยู่ที่นั้นจริงๆ

และเมื่อใดที่คุณรู้สึกและมีความสุขกับมัน

คุณจะรู้สึกมีกำลังใจ อยากทำต่อ อยากสู้ต่อ

นี่เป็นวิธีสร้างแรงใจอย่างนึงครับ ลองทำดู

แต่อย่าฝันอย่างเดียวจนลืมลงมือทำละ

"ความฝันที่ปราศจากการลงมือทำ เค้าเรียกว่า เพ้อฝัน"

เชื่อจนกลายเป็นศรัทธา

คุณต้องเชื่อว่าคุณทำได้

ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณทำได้ แล้วคุณจะทำสิ่งนั้นได้ยังไงละ

อย่างแรกคุณต้องเชื่อก่อนว่าคุณจะทำได้

มันเป็นข้อแรก ของการที่จะทำอะไรสักอย่าง

แม้ว่า...........สิ่งนั้น คุณจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมันซักเท่าไหร่

แม้ว่า...........คุณจะยังมองไม่เห็นปลายทาง

แม้ว่า...........คนรอบข้างบอกว่าคุณทำไม่ได้

แม่ว่า...........อะไรก็ตามที่ทำให้คุณไม่ค่อยมั่นใจ

แต่................คุณจะต้องเชื่อว่าตัวคุณเองทำมันได้

ไม่มีใครจะมาบอกหลอกว่า คุณทำนู้นได้นะ คุณทำนี้ได้นะ

ทำไมนะเหลอ ก็เพราะว่า เค้าไม่ใช่ตัวคุณไง  เค้าจะรู้ได้ไงว่าคุณทำนู้นได้ ทำนี้ได้

อย่าฟังคำของคนที่เค้า มีแต่ความคิดในแง่ลบมากนัก

เพราะเค้าทำไม่ได้ไง เค้าเลยบอกคุณว่าทำไม่ได้เหมือนกัน

ให้ฟังคำของคนที่เค้าทำสิ่งนั้นได้แล้ว หรือคนที่เค้าประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นมาแล้ว

เพราะเค้ารู้ ว่าต้องทำยังไง

เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณต้องมี คือ "คุณต้องเชื่อจนกลายเป็นศรัทธา ว่าคุณทำมันได้"

ทำอะไรต้องมีเป้าหมาย!!

ทำไมต้องมีเป้าหมายด้วยละ?

งั้นคุณลองทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ต้องมีเป้าหมาย

แล้วคุณจะรู้สึกว่า แล้วทำไมฉันต้องทำมันด้วยละ?

แล้วฉันจะทำไปทำไม?

ถูกต้องเลย เวลาคุณทำอะไรโดยที่ ปราศจากเป้าหมายแล้ว

คุณก็จะขาดซึ่งทิศทางในการทำยังไงละ และคุณก็อาจจะไม่อยากทำมัน

ถ้างั้นคุณทำอะไร โดยที่มีเป้าหมายไม่ดีกว่าเหลอ?

การทำอะไรโดยที่มีเป้าหมาย

คุณจะรู้ทิศทางในการทำมันยังไงละ

และยิ่งเป้าหมายคุณชัดเจนมากเท่าไหร่

คุณก็จะถึงเป้าหมายนั้นเร็วขึ้น และก็ก็จะมีพลังในการทำมันด้วยยังไงละ

ดังนั้น เวลาคุณทำอะไรก็ควรจะมีเป้าหมายไว้จะดีกว่า!!!

อีกนิด.....

คุณเคยไหม?

บางครั้ง พอคุณทำอะไรซักอย่าง หรือเจออะไรซักอย่าง

ที่คุณรู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากทำแล้ว

ผมอยากจะให้คุณลองบอกกับตัวเองว่า

" อีกนิด..อีกนิด.. " 

แล้วสิ่งต่างๆมันก็จะผ่านไปเอง

คนที่เค้าประสบความสำเร็จในชีวิต เค้าก็ย่อมเจอเหตุการที่ไม่ดี กดดัน ไม่ชอบ มาต่างๆนาๆ

เค้าก็เจอมาเหมือนกับเรานั้นแหละ

แต่มันแตกต่างตรงที่ว่า

เค้าอดทนและผ่านมันไปได้  แต่.....

บางคนก็ไม่สามารถอดทน หรือ ผ่านมันไปได้

ชิวิตจึงไม่เป็นไปตามฝันไง

วันนี้ เมื่อเราเจออะไรที่มันกดดันเรามากๆๆ

ให้บอกตัวเองว่า " อีกนิด  เราทำได้ "

เป้าหมาย

วันนี้ ผมได้มีโอกาส ไปออกกำลังกาย ( วิ่ง )

ผมดันไปถามตัวเองว่า

" วันนี้ เรามาออกกำลังกาย เราได้อะไรมาบ้าง "

ผมก็เลยได้เรียนรู้มาสิ่งๆหนึ่ง มันคือเรื่องของ " เป้าหมาย "

เรื่องก็มีอยู่ว่า

ก่อนที่ผมจะวิ่งนั้น ผมตั้งเป้าหมายว่า จะวิ่งซัก 3 รอบ ( ไม่ได้วิ่งมานาน )

ผมก็ได้เริ่มออกวิ่ง พอผ่านมาประมาณซัก 1 รอบเริ่มเหนื่อย  หมดแรง

ทัศนคติเริ่มไม่ดี เลยเปลี่ยนใจตัวเอง ขอ 2 รอบละกัน

พอจะถึงรอบที่ 2 (จะหมดแรงละ) ผมก็จะหยุดวิ่งละ จะเดินละ แต่อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งแซงผมไป

ตอนนั้นอยู่ดีๆผมก็ยังมีความรู้สึกว่า อยากวิ่งต่อ และมันก็มีแรงขึ้นมาซะงั้น

อาจเป็นเพราะว่า ผมไม่อยากแพ้เค้า หรือ อะไรซักอย่าง

มันทำให้ผมเรียนรู้ว่า

วั้นนี้ที่ผมตั้งเป้าหมายว่า จะวิ่งซัก 3 รอบ ผมอาจยังไม่เห็นภาพเป้าหมายขัดเจนพอ

แต่พอมีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งแซงผมไป มันก็เหมือนกับว่า ผมเห็นเป้าหมายผมชัดเจนไง

มันเลยทำให้ผมมีแรง สู้ต่อไป

หากวันนี้ คุณท้อ คุณหมดกำลังสู้ต่อ ขอให้คุณถามตัวเองว่า 

" เป้าหมายคุณ ชัดเจนพอหรือยัง "

แรงบันดาลใจ

แรงบันดาลใจ ( Inspiration )

แรงบันดาลใจคืออะไรนะเหลอ

บอกง่ายๆเลยครับ ในความหมายของผมก็คือ

มันคือ  สิ่งที่วันนี้ ถ้าเราไม่มีมันแล้ว เราจะอยู่ไม่ได้

อย่างเช่น สมมุติว่าวันนี้คุณมีแรงบันดาลใจคือรถ lamborghini reventon แล้วถ้าคุณ

รู้ว่าคุณไม่สามารถซื้อมันได้หรือมีมันได้ ผมว่า คุณก็จะอยู่ไม่ได้


ผมไปเจอคำคมดีๆๆมา เกี่ยวกับเรื่องนี้พอดีเลย

เค้าบอกว่า

คำว่า "แรงบันดาลใจ" Inspiration มาจากคำละติน Inspirare แปลว่า "ลมหายใจ"

...ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ จึงมีแรงบันดาลใจได้ทุกวัน...

Martin Luther King, Jr. ( มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ )

ศรัทธาคือขั้นแรกแม้เมื่อคุณไม่สามารถมองเห็นขั้นบันไดทั้งหมด

“Faith is taking the first step even when you can't see the whole staircase.” 

ท้ายสุดแล้ว สิ่งที่เราจะจดจำหาใช่คำพูดของเหล่าศัตรูไม่ หากแต่เป็นความเงียบของเหล่าสหายนั้นเอง

“In the end, we will remember not the words of our enemies, but the silence of our friends.” 

ถ้าคุณไม่สามารถบินได้ก็จงวิ่ง ถ้าคุณไม่สามารถวิ่งได้ก็จงเดิน ถ้าคุณไม่สามารถเดินได้ก็จงคลาน แต่อย่างไรก็ตาม คุณต้องก้าวต่อไป

“If you can't fly then run, if you can't run then walk, if you can't walk then crawl, but whatever you do you have to keep moving forward.”  

ในความมืดเท่านั้นที่คุณสามารถมองเห็นดวงดาว

Only in the darkness can you see the stars.

เราต้องยอมรับความผิดหวัง แต่จะไม่สูญเสียความหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุด

“We must accept finite disappointment, but never lose infinite hope.” 

Comfort Zone ตอนที่ 2

ต่อจากตอนที่แล้ว

หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องก้าวออกมาด้วยละ????

งั้นให้คุณลองถามตัวเองว่า?

คุณเคยมีสิ่งที่อยากได้ไหม ?

แล้วบางครั้งคุณต้องทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง
ที่บางครั้ง คุณก็ไม่ค่อยอยากทำมัน  แล้วคุณถึงค่อยได้มันมา

หรือ ฉันก็มีสิ่งที่อยากได้   แล้ว    ทำไมฉันถึงไม่ได้มันซักทีละ?

ก็เพราะ สิ่งที่คุณอยากได้ มันอยู่นอก Comfort Zone นะสิ!!

คุณถึงต้องก้าวออกมาจาก Comfort Zone!!

นี่แหละคือเหตุผลว่า Comfort Zone ขยายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

 คุณก็จะได้สิ่งที่คุณต้องการไง แถม คุณจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตคุณที่คุณไม่รู้อีก

"ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้  โครตเท่เลย  55+"

นี่คือ Comfort Zone ของคุณในตอนแรก

นี่คือเมื่อคุณก้าวออกมาจาก Comfort Zone

Comfort Zone ตอนที่1

Comfort Zone คืออะนะเหลอ?

คุณเคยไหม?

ขออาสาสมัคร มาพูดหน้าเวที 1 คนคร้าบบบบบบบบ
....
...
..
.
ขออาสานักเรียนออกมาร้องเพลง 1 คน
....
...
..
.
ใครจะรับเอางานนี้ไปทำ
....
...
..
.
ขอคนมาสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนรู้มาซัก 1 คนครับ
....
...
..
.
ต้องการคนเป็นหัวหน้ากอง 1 คน
....
...
..
.
หรือบางครั้ง คุณไปเจออะไร บางสิ่งบางอย่าง
ที่คุณไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมัน หรือรู้ แต่คุณก็ไม่ค่อยกล้าทำ
ไม่กล้าเดินต่อ ไม่กล้าทำต่อ ไม่กล้าสู้ต่อ
........................................................................................................................
แล้วถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ  ในหัวคุณจะคิดว่าอะไร

"อย่ามายุ่งกับกู"

"ขอให้อย่ามามองทางกูเลยยยยยยย"

"ผมไม่รู้ ผมหลับ"

"มึงนั้นแหละ ไปสิ"

"อย่าเป็นฉันเลยยยยย"

"ไม่โดน ไม่โดน ต้องไม่ใช้ผม (ฉัน)"

"ฉันทำไม่ได้หลอก"

"ฉันทำอย่างอื่นดีกว่า"

บางครั้งคุณก็จะรู้สึกตื่นเต้น ประหม่า ก้มหน้าก้มตา หรืออะไรก็ว่าไป
แล้วทำไมคุณต้องรู้สึกอย่างนั้นด้วยหละ?

ก็เพราะคุณกำลังจะต้องก้าวออกจากสิ่งที่เรียกว่า Comfort Zone นะสิ
Comfort Zone ก็คือ วงกลมวงหนึ่งที่คุณได้สร้างมันขึ้นมา
วงกลมที่ทำให้คุณรู้สึกสบาย อยู่อย่างนี้ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ฉันอยู่อย่างนี้ฉันก็มีความสุข

ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรบางสิ่งบางอย่างขึ้น ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าต้องก้าวออกจาก Comfort Zone ละ

คุณก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัย กลัว ไม่อยากทำมัน และสุดท้ายคุณก็จะต้องเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ

และถ้าคุณเลือกที่จะไม่ทำ Comfort Zone ของคุณก็จะมีขนาดเท่าเดิม

แต่ถ้ายิ่งคุณก้าวออกมาจาก Comfort Zone มากเท่าไหร่
Comfort Zoneคุณก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น มากขึ้น และก็มากขึ้น

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นละถ้า Comfort Zone ขยาย ??? ( บอกในตอนที่ 2 )

แต่

หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องก้าวออกมาด้วยละ????

ติดตามคำตอบได้ในตอนที่ 2.............

โดนนน

 เพื่อรับมือกับคน  พึงระลึกไว้ว่า 

 คุณไม่ได้รับมือกับสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยเหตุผล  

แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประกอบไปด้วยอารมณ์

 มันไม่สำคัญว่าเราจะมีอายุยืนเพียงไร 

ความสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะอยู่อย่างไรต่างหาก

ดาบจะคมได้ก็ต้องผ่านการทุบตีมามากมาย

คนจะเก่งได้ก็ต้องผ่านอุปสรรคมาหมือนกัน

เราจะรู้ว่าเราชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร

ก็ต่อเมื่อเราลงมือทำ

ถ้าเราเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองไม่ได้

ก็จงเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น

วิธีสร้างพลังใจในการเอาชนะใจตนเอง

      แม้จะรู้ว่าการเอาชนะใจตนเองได้เป็นเรื่องดี แต่หากคุณยังไม่รู้จักเทคนิคหรือวิธีการใดที่จะช่วยให้คุณเอาชนะใจตนเองได้ง่ายขึ้น ลองฟังคำแนะนำของนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ดังนี้

• รักษาพลังใจของตนเองไว้ ให้คิดว่าพลังใจในตัวเราเป็นทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ต้องงัดเอามาใช้กับเรื่องสำคัญๆ เท่านั้น

• วางแผน ให้ชัดเจนในเรื่องที่เราอยากทำให้สำเร็จ โดยลงรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร ทำเมื่อไร และที่ไหน

• ฟื้นฟูพลังใจ ยามที่กำลังใจเริ่มอ่อนล้าให้หาตัวช่วย เช่น กินขนมเติมพลังยามขับเคี่ยวกับการทำงานให้เสร็จทันเวลา หรือหาเพื่อนดีๆสักคนไว้คอยให้กำลังใจยามท้อแท้

• ฝึกใจให้แกร่ง นักกีฬายังต้องฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ การสร้างพลังใจก็ต้องอาศัยการฝึกอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน

• ทำให้เป็นนิสัย ทำจนรู้สึกไม่ต้องบังคับ แล้วความสำเร็จจะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

• สร้างความหมายพิเศษ แทนที่จะมองว่าการเอาชนะใจตนเองเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ลองตั้งเป้าให้การเอาชนะใจตนเองเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเป็นพิเศษ ด้วยการนับข้อดีว่าเมื่อทำแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อะไรตามมาบ้าง

• คิดบวก มองไปที่เป้าหมายด้วยความคิดเชิงบวก เช่น คิดว่า “เราต้องชนะ” แทนที่จะคิดเกรงกลัวต่อความพ่ายแพ้ที่ยังมาไม่ถึง

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การเอาชนะใจตนเองเป็นความสำเร็จแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

และจะกลายเป็นฐานนำไปสู่ความสำเร็จอื่นๆ ในชีวิตของคุณอีกมากมาย หากคุณเอาชนะใจตนเองได้แล้ว ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ คุณก็ย่อมทำให้สำเร็จได้ทั้งนั้น

ขอให้เรามาเริ่มสร้างความสำเร็จให้ชีวิตตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเอาชนะใจตนเองในเรื่องเล็กๆ แล้วค่อยขยับไปสู่เรื่องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กันเถอะ

คาถาบทที่ 2 ของ ซัมซุง มหาอำนาจอิเล็กทรอนิกส์ !!!

คาถาบทที่ 2 ของ !!! ซัมซุง มหาอำนาจอิเล็กทรอนิกส์ !!!

"ไก่ไม้"

# คาถาบทที่สองที่ "ลี เบียง ชอล" มอบให้กับลูกชายผู้สืบทอดกิจการ ก็คือ "ไก่ไม้"

"ไก่ไม้" คือ ไม้ที่แกะสลักเป็นตัวไก่
ในห้องนอนของเขาจะมี "ไก่ไม้" แขวนอยู่
"ไก่ไม้" นั้นมาจากนิทานเรื่องหนึ่งในหนังสือคำสอนของ "จวงจื่อ" ปราชญ์คนหนึ่งของจีน

# คนเลี้ยงไก่ชนชื่อดังคนหนึ่ง ชื่อ "จี้ เซิง จื่อ" เป็นคนเลี้ยงไก่ชนให้กับ "โจว ซวน อ๋อง"
วันหนึ่ง "โจว ซวน อ๋อง" นำไก่ชนตัวหนึ่งมาให้เลี้ยง
ผ่านไป 10 วัน "โจว ซวน อ๋อง" ก็ถามเขาว่า "ไก่ชนใช้ได้หรือยัง"
"ยังไม่ได้ เพราะมันยังเดินกร่างอยู่ ทะนงตน ท้าทายไปทั่ว" จี้ เซิง จื่อ ตอบ 

ผ่านไปอีก 10 วัน "โจว ซวน อ๋อง" ก็ถามด้วยคำถามเดิม
"ไก่ชนใช้ได้แล้วหรือยัง"
คำตอบของ "จี้ เซิง จื่อ" เหมือนเดิม คือ "ยัง"
แต่เหตุผลเปลี่ยนไป "ยังไม่ได้ ตอนนี้ไม่ท้าทายไก่ตัวอื่นแล้ว แต่มักจะโดดตีถ้าไก่ตัวอื่นเข้าใกล้"

อีก 10 วัน "โจว ซวน อ๋อง" ถามอีก "ไก่ชนใช้ได้หรือยัง"
"ยังไม่ได้ ตอนนี้ไม่โดดตีแล้ว และลดความทระนงตนลงแต่สายตายังดุร้าย เหมือนพร้อมจะตีกับไก่ตัวอื่น"

อีก 10 วัน "โจว ซวน อ๋อง" ถามด้วยคำถามเดิม
ครั้งนี้คำตอบมีพัฒนาการ
"จี เซิง จื่อ" ตอบว่าพอใช้ได้แล้ว เพราะเมื่อไก่ตัวอื่นขัน ก็ไม่แสดงอาการตอบ เป็นราวกับ "ไก่ไม้"
"เห็นไก่ตัวอื่นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ไก่ตัวอื่นเห็นก็ไม่กล้าเข้าใกล้ เดินหนีไปหมด"

"ไก่ชน" ที่ดีนั้นไม่ใช่ "ไก่" ที่ตีเก่ง ฮึกเหิมห้าวหาญท้าทีท้าต่อยไปทั่ว แต่ "ไก่ชน" ที่ดีต้อง "นิ่ง” เป็น สงบสยบเคลื่อนไหว รู้จักเก็บความรู้สึกของตนเอง แต่สามารถเปล่งประกายจนไก่ชนตัวอื่นยำเกรงชนะโดยไม่ต้องชน

# ผู้บริหารที่ดีในความหมายของ "ลี เบียง ชอล" คือ ต้องใจเย็น สงบนิ่งในสถานการณ์ที่กดดันให้ได้ "นิ่ง" เหมือน "ไก่ไม้"

# เขามอบ "ไก่ไม้" ให้ลูกชาย เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้รู้จัก "นิ่ง"

"จงรับฟัง" และ "ไก่ไม้" อาจไม่ใช่คาถาที่นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ "ซัมซุง"
แต่เป็นคาถาที่ "ลี กอน ฮี" ใช้ในการบริหารงานมาโดยตลอด
และนำพา "ซัมซุง" ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน

คาถาบทที่ 1 ของ ซัมซุง มหาอำนาจอิเล็กทรอนิกส์ !!!

คาถาบทที่ 1 ของ  ซัมซุง มหาอำนาจอิเล็กทรอนิกส์ !!!

..."จงรับฟัง"...

# เห็นข่าวยอดขายสมาร์ทโฟนของ "ซัมซุง" ชนะ "ไอโฟน" ของ "แอปเปิล" แล้ว ผมจึงหยิบหนังสือเล่มนี้มาพลิกอ่านอีกครั้ง
คนรุ่นใหม่อาจไม่แปลกใจในปรากฏการณ์นี้มากนัก
แต่คนอายุ 30 ปีขึ้นไปที่ยังจำภาพ "ซัมซุง" ในอดีตได้คงแปลกใจ
เพราะในอดีตภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ซัมซุง คือ สินค้าราคาถูก
เกรดต่ำกว่าสินค้าจากญี่ปุ่น แต่เพียงชั่วเวลาไม่นาน "ซัมซุง" กลับกลายเป็นสินค้าเกรดเอ

# โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อนของ "ซัมซุง" โชว์นวัตกรรม "จอสี" และเสียงโทร.เข้าที่ไพเราะกว่าเสียงโมโนโทน เหนือกว่า "โนเกีย" ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในยุคนั้น
คุยกับผู้บริหาร "เอไอเอส" ในยุคนั้น เขายังบ่นเลยว่า "ซัมซุง" กล้าหาญมากที่ตั้งราคาสูงกว่ามือถือทั่วไป ทั้งที่ใช้แบรนด์ "ซัมซุง" แต่สุดท้าย "ซัมซุง" รุ่นนั้นก็ประสบความสำเร็จ

# จากวันนั้นเป็นต้นมา "ซัมซุง" ก็ไม่ใช่ "ซัมซุง" ที่เราคุ้นเคย
เขาเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ไม่ผลิตสินค้าเกรดต่ำ ราคาถูกอีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ ตู้เย็น หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ
สินค้า "ซัมซุง" กลายเป็นสินค้าคุณภาพ ที่โชว์เหนือเรื่องนวัตกรรมใหม่ๆ 

# ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดจาก "ลี กอน ฮี" ที่รับสืบทอดกิจการมาจากรุ่นพ่อ "ลี เบียง ชอล"
ผมพลิกหนังสือเล่มนี้แบบอ่านเล่น ไม่ได้อ่านจริงจัง แต่กลับพบเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นคาถา "ซัมซุง ที่ "พ่อ" มอบให้กับ "ลูก" วันที่ "ลี เบียง ชอล" ประกาศว่าผู้สืบทอดกิจการ "ซัมซุง" คือ "ลี กอน ฮี" บุตรชายคนที่ 3 เขาเรียกลูกชายมาที่ห้องทำงาน แล้วหยิบพู่กันจุ่มหมึกเขียนข้อความสั้นๆ

"จงรับฟัง"

นี่คือ คาถาข้อแรกของการเป็นผู้บริหารสูงสุดในองค์กรใหญ่ที่ "พ่อ" มอบให้กับ "ลูก"
"ลี เบียง ชอล" รู้ซึ้งถึงสัจธรรมของ "อำนาจ" ว่ายิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งรับฟังน้อยลง 
และเมื่อ "พูด" มากกว่า "ฟัง"  "ความรู้ใหม่" ก็ไม่เกิด

"ลาร์ลี่ คิง" นักพูดชื่อดัง เคยบอกว่า "เราไม่เคยฉลาดขึ้นจากการพูด" มีแต่การฟังเท่านั้นที่จะได้ 
"ความรู้" จากผู้อื่น เขาจึงเตือน "ลี กอน ฮี" ตั้งแต่เริ่มต้นการเรียนรู้งานในตำแหน่ง "ประธาน"

ในวันที่ "ลี กอน ฮี" มีอำนาจเต็มใน "ซัมซุง" เขาจึงเป็นคนที่ได้รับคำชมอย่างมากว่าเป็น "ผู้ฟัง" ที่ดี
ทั้งที่ "ลี กอน ฮี" เป็นคนพูดเก่ง เขาสามารถบรรยายติดต่อกัน 3-4 ชั่วโมงได้อย่างสบาย แต่ "จุดเด่น" ของเขากลับอยู่ที่การรับฟัง

ฟังเพื่อนนักธุรกิจ ฟังนักวิชาการ ฟังผู้บริหาร ฟังพนักงาน ฯลฯ
จากนั้นจึงเริ่มตั้งคำถาม
"ทำไม-ทำไม-ทำไม ฯลฯ" ว่ากันทุกปัญหา "ลี กอน ฮี" จะตั้งคำถามว่า "ทำไม" อย่างน้อย 6 คำถาม

คาถาเรื่อง "จงรับฟัง" นั้น ผมจำได้ว่า "กานต์ ตระกูลฮุน"
กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ "เอสซีจี" หรือ "ปูนซิเมนต์ไทย" เคยบอกว่าตอนที่จะเปลี่ยนองค์กร "เอสซีจี" สู่นวัตกรรม เขาต้องเข้าอบรมหลักสูตรหนึ่ง ชื่อว่า "การฟัง"

สอนให้รู้จักอดทนรับฟังความคิดเห็นของลูกน้องเพราะถ้าไม่มีท่าทีรับฟังก็จะไม่มีลูกน้องคนใดกล้าเสนอความเห็นที่นอกกรอบและองค์กรนั้นก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง

ยังมีต่อนะครับ
คาถาบทที่ 2 ของ !!! ซัมซุง มหาอำนาจอิเล็กทรอนิกส์ !!!
"ไก่ไม้"

แม่ไก่กับลูกอินทรี

ชื่อเรื่อง "แม่ไก่กับลูกอินทรี"
ความว่า......

           กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแม่นกอินทรีตัวหนึ่งบังเอิญออกลูกมาเป็นแฝด แม่อินทรีก็เฝ้าฟูมฟักลูกทั้งสองบนหน้าผา แต่มาวันหนึ่งพายุได้พัดมาที่รังของนกอินทรีพัดเอาแฝดผู้น้องตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง เดชะบุญที่ตรงนั้นมีแม่ไก่กับลูกฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ แม่ไก่ได้ฟูมฟักลูกนกอินทรีประดุจดั่งเป็นลูกของตัวเองจนเติบใหญ่ สอนเดินแบบไก่ หากินแบบไก่ และก็ร้องแบบไก่ จนอินทรีแฝดผู้น้องเข้าใจว่าตนเองนั้นคือไก่จริงๆ

มาวันหนึ่งแม่นกอินทรีหัดให้แฝดผู้พี่บิน แฝดน้องที่อยู่ด้านล่างเห็นแฝดพี่บินก็วิ่งไปถามแม่ไก่ว่า “แม่ๆดูนกบนนั้นบินสิครับ สง่างามจังเลย ผมอยากทำได้แบบนั้นจัง”

แม่ไก่ได้ยินดังนั้นจึงตอบนกอินทรีผู้น้องไปว่า 
“ลูกเอ๋ยเป็นไปไม่ได้หลอก ข้างบนนั้นคือพญานก เป็นนกอินทรีผู้สง่างาม แต่เราเป็นไก่เราทำแบบเขาไม่ได้หรอกลูก” ลูกนกอินทรีผู้น้องก็รับคำ และอยู่กับแม่ไก่สืบต่อไป

วันนี้เราอาจเป็นลูกนกอินทรีที่อาศัยอยู่กับฝูงไก่ก็ได้ เมื่อเราทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่อาจมีเสียงทักจากบุคคลรอบข้างว่า

“เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้”


แต่ถ้าท่านยังไม่ตัดสินใจลงมือทำและแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่................
.
.
ท่านจะรู้อย่างไรว่าท่านไม่ใช่พญานกอินทรี ????

Leonardo da Vinci ( เลโอนาร์โด ดา วินชี )

การใช้เวลาช่วงกลางวันอย่างดี  จะนำมาซึ่งการหลับอย่างเป็นสุข  

ดังนั้น  การใช้ชีวิตอย่างดี  จะนำมาซึ่งการตายอย่างเป็นสุข

As a well-spent day brings happy sleep,

 so a life well spent brings happy death.

ความรู้ทั้งหมดมีรากฐานมาจากการรับรู้ของเรา

All our knowledge has its origins in our perceptions.

ข้ารักคนที่ยิ้มได้ในยามที่ยาก  คนที่รวบรวมความแข็งแกร่งได้จากความเจ็บปวด  และทวีความหาญกล้าด้วยผลกระทบ 

I love those who can smile in trouble, who can gather strength from distress, and grow brave by reflection.

คนที่ชอบฝึกฝนโดยปราศจากหลักการ  เหมือนกะลาสีที่แล่นเรือโดยไร้หางเสือและเข็มทิศ  และไม่รู้ว่า โชคชะตาของเขาจะไปทางไหน

He who loves practice without theory is like the sailor who boards ship without a rudder and compass and never knows where he may cast.

Albert Einstein (อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ )

ทัศนคติที่อ่อนแอ นำมาซึ่งนิสัยที่อ่อนแอ

Weakness of attitude becomes weakness of character.

ชีวิตเหมือนการปั่นจักรยาน คุณจะต้องปั่นมันอย่างต่อเนื่อง มันถึงจะทรงตัวได้

Life is like riding a bicycle.

To keep your balance you must keep moving.

ตรรกะจะพาคุณเดินทางจากจุด A ไปจุด B ได้
แต่จินตนาการจะพาคุณเดินทางไปได้ทุกที่

Logic will get you from A to B.

Imagination will take you everywhere.

ใจกลางของอุปสรรคนั้น มีโอกาสซ่อนอยู่

In the middle of difficulty lies opportunity.

มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง

Insanity is doing the same thing over and over again
and expecting different results.

Thomas Alva Edison (โทมัส อัลวา เอดิสัน)

ผมไม่เคยทำงานแม้สักวันเดียวในชีวิต ทั้งหมดนั้น คือ ความสนุก

I never did a day's work in my life. It was all fun.

โชคดีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อโอกาสมาพบกับการวางแผน

Good fortune is what happens when opportunity meets with planning.

ผมไม่เคยล้มเหลวสักครั้ง  มันก็แค่หนึ่งในกระบวนการ 2,000 ขั้นตอน

I never failed once. It just happened to be a 2000-step process.

ผมไม่เคยล้มเหลว  ผมแค่พบ 10,000 วิธี ที่ใช้การไม่ได้เท่านั้น

I haven't failed, I've found 10,000 ways that don't work.

เรามี แต่สองหูและหนึ่งปากเพื่อที่เราจะฟังมากเป็นสองเท่าที่เราพูด

WE HAVE BUT TWO EARS AND ONE MOUTH SO THAT WE MAY LISTEN TWICE AS MUCH AS WE SPEAK.